วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สุขเกินพอที่พ่อสอน

             
                 สุขเกินพอที่พ่อสอน






วิถีชีวิตในสังคมปัจจุบันนี้ การน้อมนำปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ทรงพระราชทานแก่คนไทยในวโรกาสต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องชี้แนะอันมีคุณค่าต่อคนทั้งปวงดุจดั่งคำพ่อสอนลูก ย่อมพบกับความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มตั้งแต่พระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”  ซึ่งแสดงให้เห็นเจตจำนงอันแน่วแน่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกรณียกิจต่างๆ ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของคนไทยทั้งสิ้น อันเป็นแบบอย่างที่ผู้ปกครองบ้านเมืองต้องถือปฏิบัติตาม การดำรงชีวิตก็ให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทำความเพียร วิริยะอุตสาหะ อดทน พัฒนาตน มีสติ มีระเบียบไม่มักง่าย ขยันหมั่นเพียร อดทนอดกลั้น ตั้งใจในการตั้งต้นงาน รู้จักวางแผนการใช้จ่ายจะใช้จ่ายการใดควรได้พิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสม ไม่ฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายใช้จ่ายเกินกำลังฐานะของตน การอยู่ร่วมกันต้องรู้จักการให้ ให้ความรักความเมตตา ให้น้ำใจไมตรีเอื้อเฟื้อมุ่งดีต่อกัน มีความสุจริตและความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน พูดจริงทำจริง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กตัญญูกตเวที มีระเบียบ ทำความดีย่อมได้ดี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มักง่าย รู้ตัวอยู่เสมอไม่ประมาท  อย่ามีอคติ ต้องหยุดคิดด้วยจิตเป็นกลางก่อนจะพูดหรือทำ รู้จักรับฟังผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่นต้องรู้จักอดทนและอดกลั้น การทำงานต้องทำด้วยใจรักต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ การมีวินัย มีความสามัคคี รู้จักหน้าที่ มีน้ำใจเป็นนักกีฬารู้จักแพ้รู้จักชนะรู้จัก ให้อภัย[1] พระบรมราโชวาทเหล่านี้นับเป็นเครื่องชี้แนะอันมีคุณค่าที่คนทั้งปวงดุจดั่ง  คำพ่อสอนลูกให้ดำเนินรอยตามย่อมพบกับความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน

พระบรมราโชวาทที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของชีวิตอีกด้านหนึ่งคือการศึกษา ทรงชี้ให้เห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่งของมนุษย์บิดามารดาสั่งสอนความรู้เบื้องต้น ครูและอาจารย์สั่งสอนวิชาความรู้สูงและอบรมจิตใจให้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมเพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติสืบต่อไป ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด “ความฉลาดรู้” คือ รู้แล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ ความฉลาดรู้มีข้อปฏิบัติที่น่าจะยึดเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ ได้แก่เมื่อจะศึกษาสิ่งใดให้รู้จริง ควรจะศึกษาให้ตลอดครบถ้วนทุกแง่มุม ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะแต่เพียงบางแง่บางมุม และต้องพิจารณาศึกษาเรื่องนั้นๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปรกติเที่ยงตรงเป็นกลาง การเรียนรู้ทุกอย่างนั้น จะต้องเรียนรู้ตามความรู้ของผู้อื่นก่อนเป็นเบื้องต้น เมื่อรู้แล้วจึงนำมาพิจารณาให้เห็นแจ่มชัดละเอียดลงไปให้ถึงเนื้อหาสาระอันอาจจะอ้างอาศัยเป็นหลักฐานได้ มิให้เป็นการเรียนรู้อย่างเลื่อนลอย แล้วต้องนำความรู้นั้นมาปฏิบัติฝึกฝนอีกให้เกิดผลประจักษ์แจ้งและเกิดความชำนาญขึ้น ความรู้ต้องคู่คุณธรรม มีความรู้สูงแต่ขาดหิริโอตตัปปะไม่มีความละลายต่อบาป ใช้ความรู้ในทางมิชอบก็จะทำให้สังคมเดือดร้อน มีความรู้ก็ควรจะแพร่ออกไปให้คนอื่นทราบเพราะว่าการเผยแพร่ความรู้ความสามารถไปให้ผู้อื่นนั้นไม่ได้เสียประโยชน์ใดๆ เพราะว่าความรู้และความดีเมื่อเผยแพร่ออกไปยิ่งทวีคูณขึ้นไม่ได้หมดไปจากตัว ยิ่งทำดียิ่งทำให้คนอื่น     มีความรู้ ความรู้ของเราก็ไม่หมดลงไป ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น อันนี้เรียกว่าการสร้างบารมี ความรู้ในวิชาการเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ และทำให้เป็นคนที่มีเกียรติ เป็นคนที่สามารถ เป็นคนที่จะมีความพอใจได้ในตัวว่าทำประโยชน์แก่ตนเองและแก่ส่วนรวม และนอกจากวิชาความรู้ ก็จะต้องฝึกฝนในสิ่งที่ตัวจะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับสังคม สอดคล้องกับสมัย และสอดคล้องกับศีลธรรมที่ดีงาม ถ้าได้ทั้งวิชาการ ทั้งความรู้รอบตัว และความรู้ในชีวิต ก็จะทำให้เป็นคนดีครบคนที่ภูมิใจได้

ดังจะเห็นได้ว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคำสอนล้วนนำสู่ความสุขความเจริญ ความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน นับเป็นโชคของชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ที่เป็นทั้งหลักชัยและเป็นแบบอย่างให้ดำเนินรอยตาม การน้อมนำไปปฏิบัติย่อม “สุขเกินพอที่พ่อสอน”




[1] องอาจ จิระอร.(บรรณาธิการ). (๒๕๕๖). ๑๐๘ มงคลพระบรมราโชวาท.
กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์ อมรินทร์พริ้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น