วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต

         ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต

                                   
           





        
        คำขวัญวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กแต่ละปีจะเป็นข้อคิดและคติที่สะท้อนภาพเด็กในแต่ละยุค เพื่อให้เด็ก มีคุณสมบัติและมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์เตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่อันมีบทบาทหน้าที่สำคัญต่อไปในอนาคต  

       “ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” เป็นคำขวัญที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบให้ปี พ.ศ.๒๕๕๘[๑] เพื่อมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยนอกจากความรู้ที่ได้รับการบ่มเพาะจากครอบครัวและโรงเรียนแล้ว เด็กๆ ทั้งหลายควรได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนที่จะต้องหมั่นศึกษาเล่าเรียนเพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ ใฝ่ดี ตลอดจนมีจิตสาธารณะ รู้จักทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม คำนึงถึงประเทศชาติ โดยมีคุณธรรมนำจิตใจ นั่นสะท้อนว่าสังคมต้องการเห็นเด็กไทยมีทั้งความรู้และคุณธรรมไปพร้อมกัน

            ความรู้ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในสังคมที่มีวิวัฒนาการตลอดเวลา เริ่มแรกโลกมนุษย์เป็นยุค เกษตรกรรม การผลิตใช้แรงงานคนเป็นหลัก เมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นต้องผลิตอาหารมากๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค มนุษย์จึงรู้จักคิดค้นประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงช่วยในการผลิตได้มากขึ้น เป็น ยุคอุตสาหกรรม จากนั้นได้นำความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มผลผลิต จึงเป็น ยุคเทคโนโลยี แต่ปัจจุบันมนุษย์อยู่ยุคธุรกิจแห่งความคิด ประเทศที่พึ่งพาความรู้และความคิดจะขยายความคิดได้มาก อย่างไม่จำกัด  ยิ่งขยายความคิดมากเท่าใดคุณค่าก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ใช้การพัฒนาธุรกิจด้วยความคิดริเริ่มที่แปลกใหม่ เปิดช่องทางบริการเข้าถึงสินค้าหลายช่องทางที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ข้อมูลกระจายรวดเร็ว จึงเป็นโลกแห่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ  วิวัฒนาการของโลกดังกล่าวชี้ให้เห็นว่ามนุษย์จำเป็นต้องแสวงหาความรู้เพื่อการดำรงอยู่ของชีวิต การแก้ปัญหาเพื่อมีชีวิตอยู่รอดย่อมต้องอาศัยความรู้ แต่มวลมนุษย์จะไม่สามารถอยู่อย่างสุขสงบได้หากปราศจากซึ่งคุณธรรม  

คุณธรรม มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้ การพัฒนาของประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นการพัฒนาในด้านการเจริญเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ  และปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตมองกันที่อุตสาหกรรม  เน้นการเจริญทางด้านวัตถุ  จนเกิดผลร้ายต่อธรรมชาติแวดล้อมเป็นการพัฒนาที่ไม่สมดุล เพื่อความอยู่รอดมนุษย์ได้ทำลายธรรมชาติจนร่อยหรอ  และก่อให้เกิดปัญหามากมาย โดยเฉพาะปัจจุบันคนไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤตค่านิยม จริยธรรม และพฤติกรรม ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเรื่อง การลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ เป็นรายวัน การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กอันเกิดจากการกระทำของบิดาโดยสายโลหิตแท้ๆ ตลอดจนผลกระทบจากวัฒนธรรมต่างชาติที่เข้าสู่ประเทศไทยผ่านสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเด็กและเยาวชนยังไม่สามารถคัดกรองและเลือกรับวัฒนธรรมต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ประกอบกับสถาบันทางสังคม สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษา มีบทบาทน้อยลงในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และพัฒนาศักยภาพคนไทยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน สถาบันครอบครัวล่มสลายพ่อแม่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตนเองทำให้ละเลยที่จะอบรมเอาใจใส่ลูก เพื่อนและสังคมภายนอกจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถจะชักจูงลูกมากกว่าครอบครัว สถาบันการศึกษา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณธรรมของผู้เรียนไม่มากเท่าที่ควร สถาบันศาสนาก็ยังใช้ประโยชน์จากศาสนาสถานและบุคลากรทางศาสนาซึ่งมีอยู่มากมายไม่เต็มที่ และประการสำคัญสังคมไทยต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเมือง ประชาชนขาดความเข้าใจในประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องต่อสู้ด้วยเงินหรือผลประโยชน์ด้านเงิน ปัญหาทางการเมืองส่งผลให้คนไทยมีความคิดแตกต่างกลายเป็นปัญหาความแตกแยกในสังคม   

ดังจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกหากไม่พัฒนาคนให้มีความรู้และใช้ความรู้อย่างมีคุณธรรม ทุกๆ หน่วยของสังคมจะต้องร่วมกันทำหน้าที่ของตนเองในการสรรค์สร้างคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงามให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนอันจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติในอนาคตสืบไป  




[๑] สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๗). เมล็ดพันธุ์ของชาติ หนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘.
กรุงเทพมหานคร : สำนักงาน.
       

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สุขเกินพอที่พ่อสอน

             
                 สุขเกินพอที่พ่อสอน






วิถีชีวิตในสังคมปัจจุบันนี้ การน้อมนำปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ทรงพระราชทานแก่คนไทยในวโรกาสต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องชี้แนะอันมีคุณค่าต่อคนทั้งปวงดุจดั่งคำพ่อสอนลูก ย่อมพบกับความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มตั้งแต่พระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”  ซึ่งแสดงให้เห็นเจตจำนงอันแน่วแน่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกรณียกิจต่างๆ ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของคนไทยทั้งสิ้น อันเป็นแบบอย่างที่ผู้ปกครองบ้านเมืองต้องถือปฏิบัติตาม การดำรงชีวิตก็ให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทำความเพียร วิริยะอุตสาหะ อดทน พัฒนาตน มีสติ มีระเบียบไม่มักง่าย ขยันหมั่นเพียร อดทนอดกลั้น ตั้งใจในการตั้งต้นงาน รู้จักวางแผนการใช้จ่ายจะใช้จ่ายการใดควรได้พิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสม ไม่ฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายใช้จ่ายเกินกำลังฐานะของตน การอยู่ร่วมกันต้องรู้จักการให้ ให้ความรักความเมตตา ให้น้ำใจไมตรีเอื้อเฟื้อมุ่งดีต่อกัน มีความสุจริตและความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน พูดจริงทำจริง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กตัญญูกตเวที มีระเบียบ ทำความดีย่อมได้ดี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มักง่าย รู้ตัวอยู่เสมอไม่ประมาท  อย่ามีอคติ ต้องหยุดคิดด้วยจิตเป็นกลางก่อนจะพูดหรือทำ รู้จักรับฟังผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่นต้องรู้จักอดทนและอดกลั้น การทำงานต้องทำด้วยใจรักต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ การมีวินัย มีความสามัคคี รู้จักหน้าที่ มีน้ำใจเป็นนักกีฬารู้จักแพ้รู้จักชนะรู้จัก ให้อภัย[1] พระบรมราโชวาทเหล่านี้นับเป็นเครื่องชี้แนะอันมีคุณค่าที่คนทั้งปวงดุจดั่ง  คำพ่อสอนลูกให้ดำเนินรอยตามย่อมพบกับความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน

พระบรมราโชวาทที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของชีวิตอีกด้านหนึ่งคือการศึกษา ทรงชี้ให้เห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่งของมนุษย์บิดามารดาสั่งสอนความรู้เบื้องต้น ครูและอาจารย์สั่งสอนวิชาความรู้สูงและอบรมจิตใจให้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมเพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติสืบต่อไป ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด “ความฉลาดรู้” คือ รู้แล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ ความฉลาดรู้มีข้อปฏิบัติที่น่าจะยึดเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ ได้แก่เมื่อจะศึกษาสิ่งใดให้รู้จริง ควรจะศึกษาให้ตลอดครบถ้วนทุกแง่มุม ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะแต่เพียงบางแง่บางมุม และต้องพิจารณาศึกษาเรื่องนั้นๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปรกติเที่ยงตรงเป็นกลาง การเรียนรู้ทุกอย่างนั้น จะต้องเรียนรู้ตามความรู้ของผู้อื่นก่อนเป็นเบื้องต้น เมื่อรู้แล้วจึงนำมาพิจารณาให้เห็นแจ่มชัดละเอียดลงไปให้ถึงเนื้อหาสาระอันอาจจะอ้างอาศัยเป็นหลักฐานได้ มิให้เป็นการเรียนรู้อย่างเลื่อนลอย แล้วต้องนำความรู้นั้นมาปฏิบัติฝึกฝนอีกให้เกิดผลประจักษ์แจ้งและเกิดความชำนาญขึ้น ความรู้ต้องคู่คุณธรรม มีความรู้สูงแต่ขาดหิริโอตตัปปะไม่มีความละลายต่อบาป ใช้ความรู้ในทางมิชอบก็จะทำให้สังคมเดือดร้อน มีความรู้ก็ควรจะแพร่ออกไปให้คนอื่นทราบเพราะว่าการเผยแพร่ความรู้ความสามารถไปให้ผู้อื่นนั้นไม่ได้เสียประโยชน์ใดๆ เพราะว่าความรู้และความดีเมื่อเผยแพร่ออกไปยิ่งทวีคูณขึ้นไม่ได้หมดไปจากตัว ยิ่งทำดียิ่งทำให้คนอื่น     มีความรู้ ความรู้ของเราก็ไม่หมดลงไป ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น อันนี้เรียกว่าการสร้างบารมี ความรู้ในวิชาการเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ และทำให้เป็นคนที่มีเกียรติ เป็นคนที่สามารถ เป็นคนที่จะมีความพอใจได้ในตัวว่าทำประโยชน์แก่ตนเองและแก่ส่วนรวม และนอกจากวิชาความรู้ ก็จะต้องฝึกฝนในสิ่งที่ตัวจะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับสังคม สอดคล้องกับสมัย และสอดคล้องกับศีลธรรมที่ดีงาม ถ้าได้ทั้งวิชาการ ทั้งความรู้รอบตัว และความรู้ในชีวิต ก็จะทำให้เป็นคนดีครบคนที่ภูมิใจได้

ดังจะเห็นได้ว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคำสอนล้วนนำสู่ความสุขความเจริญ ความสุขและความสำเร็จของชีวิตแบบยั่งยืน นับเป็นโชคของชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ที่เป็นทั้งหลักชัยและเป็นแบบอย่างให้ดำเนินรอยตาม การน้อมนำไปปฏิบัติย่อม “สุขเกินพอที่พ่อสอน”




[1] องอาจ จิระอร.(บรรณาธิการ). (๒๕๕๖). ๑๐๘ มงคลพระบรมราโชวาท.
กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์ อมรินทร์พริ้น.